ผงบีทรูทออร์แกนิค 200 กรัม
฿ 390.00
บีทรูท (Beetroot) หรือหัวบีท เป็นผักเพื่อสุขภาพประจำเมืองหนาว โดยมีต้นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน แถบยุโรป โดยมีรากหรือหัวพืชที่สะสมอาหารอยู่ใต้ดิน มีลักษณะทรงกลมป้อม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-6 เซนติเมตร เนื้อด้านในอวบน้ำ มีสีแดงเลือดหมูอมม่วง โดยบีทรูทอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด เช่น ไฟเบอร์ วิตามินบี 9 โฟเลต แมงกานีส โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินซี เป็นต้น
หัวบีทรูท มีสารสีแดงที่มีชื่อว่า บีทานิน (Betanin) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่สำคัญ เป็นตัวช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยลดการเติบโตของเนื้องอกได้ แถมยังทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารสีม่วงที่มีชื่อว่า แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยลดสารก่อมะเร็ง ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ เบาหวานและอัมพาตได้อีกด้วย
บีทรูทอุดมไปด้วยสารไนเตรต (Nitrates) ที่ช่วยเสริมสมรรถภาพทางร่างกาย โดยเฉพาะในระหว่างการออกกำลัง โดยจากรายงานวิจัยพบว่าการดื่มน้ำบีทรูทช่วยเสริมสร้างพละกำลังและความแข็งแรง ลดอาการเหนื่อยล้าจากการออกกำลังหรือเล่นกีฬา ทำให้อึดทนทานมากขึ้นถึง 16%
นอกจากนี้ บีทรูท ยังเป็นผักที่มีใยอาหารสูง ปริมาณค่าความหวาน (GI) ต่ำถึงปานกลาง ให้พลังงานต่ำ จึงทำหัวบีท ขึ้นแท่นเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก คนรักสุขภาพ รวมถึงนักกีฬาที่ต้องการเพิ่มสมรรถนะให้แก่ร่างกาย
- Description
Description
ทำไมต้อง RAWGANIQ
ผงบีทรูทออร์แกนิค (Organic Beetroot Powder) ของ RAWGANIQ มาจากฟาร์มอินทรีย์ในอินเนอร์มองโกเลีย ซึ่งปลูกบนดินที่ไม่เคยผ่านการใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงใดๆ หัวบีทที่เก็บเกี่ยวแล้วจะถูกนำไปแช่ในน้ำกลั่นบริสุทธิ์ ก่อนนำมาล้าง ตัด ตากแห้ง และบดผง โดยกรรมวิธีแอร์ดราย (Air Dry) ไม่ใช้ความร้อนสูงในกระบวนการ เพื่อให้มั่นใจว่าบีทรูท จะยังคงอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มากที่สุด
- มีใบรับรองออร์แกนิคมาตรฐาน USDA และ EU
- เรานำเข้าสินค้าโดยตรงจากเกษตรกรในประเทศแหล่งกำเนิด การันตีทั้งเรื่องคุณภาพและราคา
- ผลิตและแบ่งบรรจุในโรงงานที่มีใบอนุญาตจากอ.ย. และได้รับการรับรองมาตรฐาน GHPs/HACCP Codex
- เราเก็บรักษาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ในห้องควบคุมอุณหภูมิ
- สินค้าบรรจุสุญญากาศเพื่อคงความสดใหม่
- เลือกใช้เฉพาะบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยสำหรับอาหาร (food-grade) และผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีสารตกค้างจากบรรจุภัณฑ์ (Migration test) เท่านั้น
- ผ่านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทั้งด้านความปลอดภัยและคุณค่าสารอาหาร
ประโยชน์ของบีทรูท
- การดื่มน้ำบีทรูทเป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างพละกำลังและความแข็งแรง ลดอาการเหนื่อยล้าจากการออกกำลัง ทำให้อึดทนทานมากขึ้นถึง 16%
- ลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด โดยสารไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ที่พบในบีทรูทมีสรรพคุณช่วยขยายหลอดเลือดอย่างอ่อน ๆ ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกขึ้น และยังช่วยลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด จึงมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่มีระดับไขมันในเลือดสูง ช่วยลดการสะสมไขมันและลดการอุดตันในหลอดเลือด ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ลดไขมันในตับ เนื่องจากบีทรูทมีสารบีทานินที่อาจช่วยป้องกันหรือลดการสะสมไขมันในตับ ป้องกันตับจากสารพิษ อีกทั้งยังมีรายงานผลการทดลองในสัตว์และการศึกษานำร่องที่ระบุผลว่าสารบีทานินนี้มีผลต่อการลดไขมันของผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับ ชนิดที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากแอลกอฮอล์
- ลดความดันโลหิตเนื่องจากบีทรูทอุดมไปด้วยสารไนเตรตซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิต
- บีทรูทมีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
- ช่วยทำให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า)
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตให้ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า)
- ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน)
- ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งและลดการเจริญเติบโตของเนื้องอก (สารบีทานิน)
- ช่วยลดจำนวนสารก่อมะเร็งในร่างกาย (แอนโทไซยานิน)
- ช่วยบำรุงสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ (แอนโทไซยานิน)
หมายเหตุ:
* การรับประทานบีทรูทอาจทำให้ปัสสาวะและอุจจาระเป็นสีแดงหรือชมพูหลังจากรับประทาน โดยเป็นอาการที่เรียกว่าบีทูเรีย (Beeturia) ซึ่งไม่มีอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย *
ข้อควรระวัง:
– เนื่องจากบีทรูทมีปริมาณสารออกซาเลตค่อนข้างสูง ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเรื่องนิ่ว เกาต์ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ จึงไม่ควรทานบีทรูทในปริมาณมาก
– บีทรูทอาจส่งผลให้ระดับแคลเซียมลดต่ำลงและกระทบต่อการทำงานของไต ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับไตหรือระดับแคลเซียมในร่างกาย ไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป
– ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำไม่ควรรับประทานน้ำบีทรูทเป็นประจำ เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงให้ความดันโลหิตลดต่ำลงได้
วิธีรับประทาน
- ใช้ปริมาณ ½-1 ช้อนตวง (4-7.5 กรัม) กับน้ำ 200-300ml โดยนำไปผสมในน้ำเปล่า น้ำผักผลไม้ สมูทตี้ โยเกิร์ต นมอัลมอนด์ น้ำเต้าหู้ หรือเครื่องดื่มต่างๆ
- ใช้เป็นส่วนผสมในการทำซุป ซอส ขนมปัง และเบเกอรี่ต่างๆ
ที่มา:
http://healthline.com
https://medthai.com
https://nutritionfacts.org
https://www.pobpad.com